วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 1 – หนึ่งในหมื่น [1]



Chemistry



บทที่ 1 – หนึ่งในหมื่น [1]


โรงพยาบาล AN อาคารหลัก

เด็กหนุ่มคนหนึ่งก้าวลงจากรถแท็กซี่ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เขาล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาขณะที่ก้าวเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างระมัดระวังพลางมองข้อความที่ได้รับเมื่อเช้าอีกครั้ง

[KG Chemical เคมีศึกษา เฟส 1 การศึกษาทางการแพทย์ : 9-10 ธันวาคม, ศูนย์เภสัชกรรม ชั้น 4]

หลังจากอ่านข้อความ ชายหนุ่มก็สูดลมหายใจเข้าลึก พลางหมุนตัวกลับและเดินเข้าไปข้างในตึก

สามนาทีต่อมา

ชายหนุ่มที่เดินผ่านประตูอัตโนมัติเข้ามาก็ตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่ที่โรงพยาบาลโชยเข้ามาในจมูก เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของตัวเองหล่นวูบและเริ่มกังวลอีกครั้ง

เฮ้...ฮันจองอู นายจะกลัวอะไร นี่เป็นงานโคตรง่ายแถมยังได้ค่าจ้างอีก กะอิแค่กินอาหารเสริมนิดหน่อยเอง

พนักงานต้อนรับที่เขาเจอตรงล๊อบบี้มองมามาที่เขาด้วยความกังวลคล้ายกับจะถามว่าเขารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่ จองอูเลยได้แต่ยิ้มนิดๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาสบายดีแล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วแล้วยืนรอตรงลิฟท์

ขณะที่รอลิฟท์ลงมาจากชั้นบน จองอูมองประตูลิฟท์ที่สะท้อนเงาของตัวเองพลางไตร่ตรองว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจมายังที่แห่งนี้

เขาเป็นนักศึกษาอายุยี่สิบกลางๆ มีผมสีน้ำตาลดำ รูปร่างสามส่วนออกไปทางค่อนข้างสูง ไม่มีไขมันส่วนเกิน

นี่เป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์คัดเลือกในประกาศสำหรับการทดสอบทางการแพทย์ที่เขาจะเข้าร่วมในวันนี้ ซึ่งเขาเห็นประกาศรับสมัครนี้จากเว็บไซต์หางานโดยบังเอิญ แต่ปัญหาก็คือข้อกำหนดเพิ่มเติมที่ระบุทางด้านล่าง

[คุณมีประสบการณ์เคยอยู่ในภาวะโคม่าเป็นเวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์]
[คุณมีประสบการณ์ในการนอนไม่หลับหรือภาวะนอนมากเกินไปอย่างใดอย่างหนึ่ง]
[คุณรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังพูดคุยกับคุณเมื่อคุณอยู่คนเดียว]
[คุณมีประสบการณ์เกิดเดจาวูหลายต่อหลายครั้ง]

ความต้องการของพวกเขาก็คือในบรรดาเงื่อนไขพิเศษหลายสิบข้อเหล่านี้  คุณจะต้องมีอย่างน้อยหนึ่งข้อ และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกขนลุกมากกว่าปกติ

พวกเขาคงไม่เลือกพวกคนที่ป่วยเป็นโรคจิตหรอกนะ นอกจากนี้ ฉัน...

ใครจะรู้ว่าการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลังจากเกิดอุบัติเหตุจากการโดนรถชนจะช่วยเขาไว้ในลักษณะนี้?

ติ้งต่อง...

ขณะที่เขาเข้าไปในลิฟท์ ก็มีชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า “รอด้วยครับ!” พร้อมกับวิ่งเข้ามาหา

จองอูรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยเมื่อมองไปยังคนๆ นี้ เขาก็พบว่า ชายคนนี้มีรูปร่างคล้ายกับเขาและมีผิวค่อนข้างซีดเซียว เขาเป็นคนที่คุณสมบัติเหมาะสมตรงตามประกาศรับสมัครงาน

ชายคนนั้นมองมาที่จองอูพลางเอ่ยถาม “บังเอิญจัง...คุณก็กำลังจะไปทดสอบทางการแพทย์?”

“หือ? อ้อ...ใช่ครับ” จองอูตอบ

“เฮ้อ...โล่งอกไปที แสดงว่าใช่ที่นี่จริงๆ ด้วย” ผู้ชายคนนั้นคงจะรู้สึกหนาว เขายืนกอดอกแน่นพลางหันมาพลางมองจองอูและถามขึ้น “ นี่เป็นครั้งแรกของคุณเหรอ? หรือว่ามาอีกรอบแล้ว?”

“ครั้งแรกคนส่วนใหญ่ก็มักจะรู้สึกกลัว การทดสอบทางการแพทย์นี่บอกตามตรงว่าคำเรียกมันก็จะน่ากลัวอยู่หรอก เพราะคุณไม่รู้หรอกว่าคนแปลกหน้าพวกนั้นจะทำอะไรกับร่างกายคุณบ้าง”

“นั่นน่ะสิ” จองอูกล่าวตอบอย่างเห็นด้วย

ผู้ชายคนนั้นพูดรัวๆ ราวกับว่ารู้เรื่องอย่างแท้จริง

“มีอยู่ครั้งนึงที่ผมรับการทดสอบทางการแพทย์เกี่ยวกับยาความดันโลหิตสูง พวกเขาให้ผมกินยาที่กระตุ้นให้เกิดอาการท้องเสีย แล้วก็ให้ผมไปวิ่งบนลู่วิ่งไปเรื่อยๆ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าพวกเขาจะตรวจสอบความดันโลหิตที่เป็นผลมาจากความเครียดอย่างรุนแรงที่เกิดกับร่างกาย”

“นั่น...ฟังดูน่ากลัวนะ”

“ไม่เลย นั่นมันไม่มากเลยนะ  ผมเคยโดนทดสอบยาปลุกอารมณ์ด้วย พวกเขาบอกให้ผมช่วยตัวเองตอนที่พวกเขาสุ่มเปิดหนังโป๊ให้ผมดู...”

“ชะ...ช่วยตัวเอง?”

“พวกเขาบอกว่า คุณจะให้ผมเอามันออกด้วยกระบอกดูดยา หรือคุณอยากจะปลดปล่อยออกมาด้วยตัวเอง? แล้วผมจะตอบอะไรได้งั้นเหรอ? ถ้าเกิดขอให้พยาบาลช่วยก็อาจจะถูกลากเข้าคุกน่ะสิ”

“...!

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ รวมๆ แล้ว ถึงมันจะแปลกไปหน่อย แต่มันก็ให้ค่าจ้างที่ดีเลยนะ”

อาจกล่าวได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการทดสอบทางการแพทย์ จองอูบอกไม่ได้เลยว่าเขาตั้งใจจะให้กำลังใจหรือข่มขู่กันแน่

ติ้งต่อง...

ในขณะนั้นเองลิฟต์ก็หยุดและเปิดประตูออก เมื่อจองอูก้าวออกไปยังทางเดิน เขาก็เห็นคนอื่นๆ อีกห้าหกคนยืนอยู่ตรงนั้น

มีหลายคนที่กังวลเหมือนกับฉัน

จองอูได้รับความสนใจจากกลุ่มคนที่กำลังยืนรอซึ่งแสดงท่าทางตัวแข็งเกร็งและขณะที่รอนั้นเองการทดสอบทางการแพทย์ก็เริ่มขึ้นในที่สุด

“ฮันจองอูใช่มั้ย? มาทางนี้เลย”

ห้องที่ชายหนุ่มถูกเรียกเข้าไปเหมือนห้องแล็ปวิทยาศาสตร์ ภายในมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ที่จองอูไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของมัน นอกจากนั้นก็ยังมีคนใส่เสื้อกาวน์สีขาวหลายคนต่างจ้องมาที่เขา

ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาจองอูพลางสังเกตเขาอย่างละเอียด

“ฉันคือนักวิจัยอาวุโสของ KG Chemical แชอึนมุน หรือจะเรียกฉันว่า ดร.มุน ก็ได้” เธอมัดผมไว้อย่างเรียบร้อยและน้ำเสียงของเธอก็เหมาะกับภาพลักษณ์มากๆ

“เอาล่ะ...มาทางนี้สิ”

จองอูเดินตามเธอไปพลางรู้สึกแปลกใจว่าสถานที่แบบนี้ก็ยังมีนักวิจัยสาวสวยอยู่ด้วย

“เราจะทำการทดสอบโดยสิ่งนี้” เธอกล่าวพลางชี้ไปบนโต๊ะที่มีเข็มฉีดยาและหลอดแก้วบรรจุยาขนาดเท่านิ้ววางอยู่ บนหลอดแก้วนั้นมีโค้ดเนมเป็นรหัส ‘AF-12’

จองอูรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง

“ผมต้องฉีดยาแทนการกินอะไรซักอย่างงั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าผมต้องกินอาหารเสริมเพื่อสุขภาพงั้นเหรอ?”

“วิธีการทดลองก็เขียนไว้ในข้อตกลงแล้วนี่ คุณก็เป็นคนที่ลงนามในข้อตกลงไม่ใช่เหรอ?” ดร. มุน ตอบจองอูที่กำลังสับสนอย่างเย็นชา

ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ข้อมูลสิบกว่าหน้าพวกนั้นส่วนใหญ่แทบไม่เข้าหัวเขาเลยสักนิด ถึงเขาจะอ่านมันทั้งหมดก็เถอะแต่เขาก็จำมันแทบไม่ได้เลยเพราะเขาไม่เข้าใจคำศัพท์ทางเทคนิคพวกนั้นนั่นเอง
ดร.มุนผู้ซึ่งมีทัศนคติคล้ายกับนักธุรกิจขณะที่ผู้มีส่วนร่วมในการทดสอบนี้ต่างก็ประหลาดใจเหมือนกับจองอู

“เราต่างก็มีวิธีการที่ทดสอบอาสาสมัครแต่ละคนต่างกันไป เราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนปริมาณการใช้ยาเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นพวกครีมทาแพตซ์(แผ่นแปะ) , ยาน้ำพ่นยา, หรือไม่ก็ยาเหน็บช่องคลอดหรือทวารหนัก...”

ยาเหน็บทวารหนัก?

จองอูรู้สึกพอใจมากกับการฉีดยา

ดร. มุนหยิบเครื่องวัดความดันโลหิตท่ามกลางอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ ขึ้นมาพลางวางไว้บนโต๊ะ
“ฉันจะเริ่มจากการทดสอบพื้นฐานกับเธอก่อน เราต้องแน่ใจว่าจะไม่มีผลเคียงข้างที่เกิดจากอาการเจ็บป่วยอื่นๆ ของนาย”

“ผลข้างเคียง...?”

ขณะนั้นเอง ดร. มุนมีการแสดงออกทางสีหน้าที่บ่งบอกว่า นี่ไม่ใช่งานที่ได้รับรางวัลเป็นเงินหนึ่งล้านวอน*

หลังจากนั้นก็คล้ายกับเป็นฉากที่คุ้นเคย จองอูถูกวัดความดันโลหิต ตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ วัดส่วนสูงน้ำหนักและคุณสมบัติทางกายภาพอื่นๆ ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างจากการตรวจร่างกายที่เคยทำเป็นประจำตอนอยู่ในโรงเรียนเท่าใดนัก

30 นาทีต่อมา

“เวลาปัจจุบันคือ 16.05 น. ใช้สารละลายเจือจาง AF-12 อาสามาสมัคร ฮันจองอู ได้เริ่มขึ้นแล้ว” ดร. มุนพูดพลางฉีดยาเข้าไปที่แขนของของชายหนุ่ม

จองอูรู้สึกถึงเข็มฉีดยาที่แทงเข้ามา เขามองดูของเหลว 0.1 มิลลิกรัมหายไปในแขนของเขา

“เรียบร้อยแล้ว”

“เสร็จแล้วเหรอครับ?”

อาจจะเพราะปริมาณยาเพียงแค่นิดเดียว เลยทำให้เขารู้สึกว่าเจ็บน้อยกว่าการถูกฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เสียอีก

“นายไปพักอยู่ที่ห้อง 407 ก่อนแล้วกัน พวกเราจะคอยดูแลเธอเป็นเวลา 12 ชั่วโมงเพื่อติดตามความคืบหน้า แล้วก็กรุณาอย่าเคลื่อนไหวมากเกินไปด้วย”

จองอูพยักหน้าตอบรับพลางกดลำสีชุบแอลกอฮอล์ที่แขน ขณะที่เขาเดินออกจากประตู ผู้ชายคนที่เจอในลิฟต์ที่จำเขาได้ก็เดินเข้ามาหา

“เป็นยังไงบ้าง?”

“ก็ไม่มีอะไรมากนะ” ชายหนุ่มตอบ

“ใช่มั้ยล่ะ? ผมบอกแล้ว”

จองอูมองคนตรงหน้าพลันนึกถึงยาเม็ดรูปร่างเรียวแหลม AF-12 ซึ่งได้ถูกเตรียมไว้บนโต๊ะหลังจากที่เขาฉีดยาเสร็จก็ถึงกับสะดุ้ง เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันเป็นรูปร่างที่ออกแบบมาให้เข้าสู่ช่องทางหนึ่ง

“เอิ่ม...สะ...สู้ๆ นะ” ชายหนุ่มให้กำลังใจอีกฝ่ายก่อนจะเดินออกไปยังห้องพัก

อาสาสมัครคนอื่นที่ได้รับยาก่อนจองอู ได้เข้าไปพักยังห้อง 407 อย่างสบายใจ หลังจากที่เขากวาดตามองหาในที่สุดชายหนุ่มก็พบเตียงว่างเปล่าสำหรับตัวเอง

ก็ไม่มีอะไรเท่าไหร่นะ

เขารู้สึกราวกับว่าพลังงานในร่างกายนั้นหายไปหลังจากมัวแต่กังวลกับการทดสอบทางการแพทย์มากจนเกินไป มันเป็นขั้นตอนที่ไม่ได้ทำให้เขาต้องอับอายเลยสักนิด เขาคงจะเสียใจถ้าพลาดเงินหนึ่งล้านวอนหลังจากได้ใช้เวลาอย่างเงียบสงบเช่นนี้

ครู่ต่อมา...

ขณะที่จองอูกำลังพักผ่อนอยู่ ผู้ชายคนหนึ่งก็เดินอย่างงุ่มง่ามราวกับว่ามีอะไรติดอยู่ที่หว่างขา แต่เขาก็ไม่ได้ดูไม่สบายตรงไหน

“เฮ้...คุณฮันจองอู” เขานั่งอยู่บนเตียงข้างๆ ก่อนจะชวนจองอูคุยราวกับเป็นเรื่องสำคัญ

“ดร.มุน นี่เป็นคนไม่มีอารมณ์ขันเลยนะ คุณว่าไหม?”

“ครับ...ผมว่าเธอค่อนข้างเข้มงวดแบบว่าอีกนิดก็จะน่ากลัวแล้ว”

“ไม่สิ ไม่ใช่ว่าเธอสวยจริงๆ งั้นเหรอ? ผมคิดว่าตัวเองละลายตอนที่เธอถูสำลีให้ผมซะแล้ว”

จองอูได้แต่เกาคางของเขาพลางมองอีกฝ่ายทำท่าทางลูบไล้บนแขน เอาเป็นว่าเขาเข้าใจแต่จะไม่ออกความเห็นกับสิ่งนี้ก็แล้วกัน

ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับอย่างเงียบๆ แต่อีกฝ่ายก็ยังพูดจ้อไม่หยุด

“นี่...ผมแอบถามพยาบาลก่อนหน้านี้นิดหน่อยเกี่ยวกับ ดร.มุน พวกเธอบอกว่าสาวสวยคนนั้นเป็นหมอจริงๆ แหละ โอ้...พระเจ้า ผู้หญิงที่สวยแล้วก็ฉลาดขนาดนี้ ในอนาคตผมจะต้องมาเป็นอาสาสมัครในการทดสอบทางการแพทย์ของบริษัทนี้ให้ได้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นก็ตาม ใครจะไปรู้? บางทีผมอาจจะได้เบอร์โทรศัพท์ของเธอสักวันก็ได้”

“เหมือนกับเธอช่างดึงดูดให้บรรดาผู้ชายมาทำงานพิเศษนี้จริงๆ”

“นี่...จองอูคุณลองตีผมตรงไหนสักที่ให้เจ็บหน่อยสิ จะได้รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงกว่าที่มองเห็นไง พอมีนางฟ้ามาทำงานอยู่แบบนี้ พวกเราไม่ควรเป็นอาสาสมัครการทดสอบทางการแพทย์ของ KG Chemical หรอกเหรอ?

บางทีถ้าจองอูเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบทางการแพทย์เช่นเดียวกับชายคนนี้เขาก็อาจจะเห็นตัวเองเพลิดเพลินกับการทดสอบกับผู้หญิงที่สวยอย่าง ดร. มุนก็ได้

ถ้าขืนเรายังทำแบบนี้อีกครั้งนึง ตับของเราอาจจะพังจริงๆ ไปเลยก็ได้

ผู้คนเริ่มทยอยเดินเข้ามาในห้องพักมากขึ้นเรื่อยๆ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและมันก็ค่อนข้างดึกแล้ว พวกเขาต่างรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ก็ยังไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่ ช่วงเวลานั้นเองที่นักวิจัยที่จาก KG Chemical ที่มีโลโก้ปักบนเสื้อกาวน์ของเขาก็เข้ามาในห้องบางครั้งเพื่อวัดความดันโลหิต

หือ?

จองอูละสายตาจากสมาร์ทโฟนที่กำลังแตะเลื่อนอ่านอะไรไปทั่ว พลันรู้สึกว่าภายในห้องพักเงียบไปหมด ซึ่งมันแปลกมาก ไม่เพียงแต่คนที่อยู่กับเขาจะเงียบไป แต่ผู้เข้าร่วมการทดสอบคนอื่นๆ ทั้งหมดที่พูดคุยกันต่างนอนหลับกันจนหมด

เมื่อเขามองไปที่นาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลา 22.00 น. ซึ่งคงจะถึงเวลาที่ทุกคนต่างนอนพักผ่อน จองอูจึงล้มตัวนอนบนหมอนและคิดว่าเขาคงจะหลับในเร็วๆ นี้

นอนดีกว่า  พวกเขาบอกให้เราพักผ่อนจนถึงวันพรุ่งนี้นี่

แต่มันก็ไม่ได้หลับอย่างง่ายดายตามที่เขาหวัง

5 ทุ่มก็แล้ว เที่ยงคืนก็แล้ว แต่เขาก็ยังตื่นอยู่จนถึงตี 1

‘…มันแปลกๆ แฮะ หรือเป็นเพราะว่าเราไม่คุ้นเคยกับการนอนแปลกที่?

มันน่าเบื่อ แล้วเขาก็ยังรู้สึกหิวอยู่บ้าง นอกจากนี้สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือความเงียบที่น่าขนลุกภายในห้อง ทุกคนสามารถนอนได้อย่างเงียบสงบโดยไม่มีใครกรนแม้แต่คนเดียว?

โอ๊ยย ไม่ไหวแล้ว

เขากำลังจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาอีกครั้งเพื่อฆ่าเวลา แต่ขณะนั้นเองประตูก็ถูกเปิดออกอย่างฉับพลัน

แกร๊ก

อาจจะเป็นเพราะในห้องมันเงียบจนเกินไป จองอูที่กำลังจะเล่นโทรศัพท์รีบกุมมันไว้ที่อกพลางกลั้นหายใจ เขาไม่ต้องการโดนหักค่าแรงเนื่องจากถูกพบว่าเขาเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมนอนและทำตามคำแนะนำในการพักผ่อน

ผู้ชายในชุดกาวน์สีขาวสองคนเปิดประตูและเดินเข้ามา

“ไม่มีคนรู้สึกตัวเลย”

“ไม่ใช่ว่าพวกเขาเข้าข่ายตกอยู่ในอาการโคม่าหรอกนะ?”

“ทุกๆ ครั้งที่ฉันเข้ามาในห้องในช่วงเวลานี้ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังมองหาคนที่รอดชีวิตจากการฆ่าตัวตาย มันน่าขนลุกจริงๆ”

จองอูได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่นัก แต่เขาพยายามฟังบทสนทนานี้อย่างตั้งใจ

“ยังไงก็เถอะ นี่มันคือความล้มเหลวใช่มั้ย?”

“อา...ใช่ ดร.มุนคงจะผิดหวังอีกแล้ว”

ยานี่มันผิดปกติรึเปล่านะ? คงจะดีกับเราถ้าได้รับเงินโดยไม่ต้องทำอะไรมากนัก แต่ว่า...

โคร่กกกก

เสียงท้องร้องดังขึ้นเป็นการส่งสัญญาณ

“หือ? นายได้ยินเสียงอะไรมั้ย?”

“เสียงมันดังจากที่ไหนน่ะ?”

เขารู้สึกว่ามันคงจะยากที่จะหลีกเลี่ยงผู้ชายสองคนที่กำลังกวาดตามองไปรอบๆ จองอูจึงยกมือของเขาขึ้น

“เอ่อ...ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าพวกเขาต่างประหลาดใจเมื่อเห็นเขาตื่นอยู่

“คือผมสามารถไปร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อราเมงซักถ้วยได้มั้ย? ผมหิวจนนอนไม่หลับแล้ว” จองอูยิ้มกว้างพลางลูบท้องของเขา ขณะที่ชายชุดกาวน์ทั้งสองคนต่างพากันวิ่งออกไปและร้องโวยวายเสียงดัง

ทำไมพวกเขาต้องตกใจด้วย

ที่น่ากลัวกว่านั้นคือไม่มีใครในห้องพักมีปฏิกิริยากับเสียงจากคนทั้งสองที่ร้องเสียงดังและวิ่งออกไปแม้แต่นิดเดียว

จองอูรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว เขาหันไปมองชายหนุ่มผู้เชี่ยวชาญฯ ที่นอนเตียงข้างๆ เขา

“เฮ้...นี่คุณ...” เขาเขย่าไหล่ปลุกอีกฝ่ายเล็กน้อย แต่อีกคนกลับอยู่ในห้วงนิทราและไม่มีวี่แววว่าจะตื่นง่ายๆ

จู่ๆ จองอูก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

การทดสอบทางการแพทย์ที่แปลกประหลาดนี้ให้ค่าตอบแทนที่สูงมาก มันอาจจะเป็นวิธีที่ผิดกฏหมาย มีผลข้างเคียง หรือบางทีพวกเขาจะพยายามเอาอวัยวะจากผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวแล้วเอาไปขายในตลาดมืด...

ความคิดทุกอย่างประดังประเดขึ้นมาในใจเขา

แต่แล้วชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงวิ่งราวกับมีกวาง 3-4 ตัวกำลังวิ่งลงมายังห้องโถง คนที่วิ่งเข้ามาก็คือชายสองคนที่วิ่งออกไปก่อนหน้านี้และตามมาด้วยสาวสวยนักวิจัยคนที่เขาพบก่อนหน้านี้นั่นเอง

“ดร.มุน?”

“เธอตื่นแล้วจริงๆ”

ดร.มุนหยุดอยู่ตรงประตู เธอมองมายังจองอูพลางกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งฝืดและหันไปหาผู้ชายทั้งสองคนที่มาด้วยกัน “เธอสองคนกลับไปได้แล้ว ทำได้ดีมาก”

ชายทั้งสองคนพยักหน้าตอบรับและจากไปอย่างเงียบๆ ส่วน ดร.มุนนั้นเดินเข้ามาหาจองอูอย่างเฉยเมย

“ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย ทำไมคนพวกนี้ไม่ตื่นงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มถามขึ้น

“พวกเขาได้รับยานอนหลับ” ดร.มุนตอบ

“หา?” จองอูมองเธอราวกับจะถามว่า แล้วผมล่ะ?

ดร.มุนตอบอย่างใจเย็น “เซลล์โปรตีน AF-12 มีส่วนประกอบเป็นยานอนหลับที่มีประสิทธิภาพ แต่อีกด้านหนึ่งมันเป็นสารเคมีที่ช่วยทำให้มีความรู้พิเศษอย่างอื่นๆ ด้วย”

“คุณหมายความว่ายังไงน่ะ...”

“สาเหตุที่ในการใช้โครงสร้างแบบคู่นี้คือการกำหนดเป้าหมายคนที่เหมือนกับนาย ฉันไม่เคยคิดว่าจะหาคนที่ตอบสนองการทดลองได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ พวกเราประเมินว่ากว่าจะได้รับผลลัพธ์คือหนึ่งในหมื่น ซึ่งเป็นเวลาในอีกสามเดือนข้างหน้า แต่ตอนนี้เรายังดำเนินการไปไม่ได้ใกล้กับจำนวนคนที่ตั้งไว้เลยสักนิดก็ดันเจอคนที่เป็นหนึ่งในหมื่นนั่นแล้ว ต้องขอโทษสำหรับการรับรองแย่ๆ ก่อนหน้านี้ด้วย”

จองอูบ่นพึมพำขณะที่ยังไม่สามารถย่อยข้อมูลจากสิ่งที่เธอพูดออกมาอย่างกะทันหันได้

“ขอโทษทีนะ ดร.มุน แต่ผมเรียนมนุษยศาสตร์”

“นายไม่ได้เรียนหลักสูตรสามัญศึกษาหรือยังไง?”

“...เอิ่ม ผมควรต้องเรียนเหรอ?”

ดร.มุนพยักหน้าแสดงให้เห็นว่าเธอได้อธิบายอย่างเข้าใจแบบง่ายๆ แล้ว จองอูรู้สึกหดหู่เล็กน้อยกับท่าทางนี้

“ตอนนี้ผมคิดได้แล้วว่ามันน่าเสียดายจริงๆ ทำไมผมถึงไม่ได้เป็นนักเรียนคณะบริหารธุรกิจแล้วก็ไปสอบบางวิชาที่เกี่ยวกับกับยากันนะ?"

“อณูชีววิทยา? (ชีววิทยาโมเลกุล)”

“นั่นแหละครับ!

ขณะที่จองอูโพล่งขึ้นมา ดร.มุนก็รู้สึกผิดหวังในใจ ทันใดนั้นเธอก็แบมือทั้งสองข้างตรงหน้าเขา

AF-12 ประกอบด้วยสองโมเลกุลที่สะท้อนซึ่งกันและกัน เราเรียกว่า ไครัลลิตี(Chirality) หรือ ออปติคัลไอโซเมอร์(optical isomers)

เธองอนิ้วมือราวกับพวกมันเป็นกระจกสะท้อนภาพซึ่งกันและกัน

“ทฤษฏีที่อยู่เบื้องหลังของมันไม่ใช่เรื่องยาก ยกตัวอย่างเช่นถึงแม้ว่ามือของเราจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่ถ้าหากนายลองถอดถุงมือด้านซ้ายออกมาใส่กับมือขวามันจะไม่พอดีกัน  มันก็เหมือนกับคนเหล่านี้ที่ได้รับผลกระทบคือการนอนหลับแต่สำหรับนายกลับได้ผลลัพธ์ในการสร้างองค์ความรู้”

เขาสงสัยว่าเธอยังพูดภาษาเกาหลีอยู่หรือเปล่า?

“นี่นายไม่รู้เหรอว่าไครัลลิตีคืออะไร?”

“ลืมเรื่องไครัลลิตีนั่นไปเถอะ ผมอยากจะร้องไห้”

“...”

เขารู้สึกปวดหัวมากตอนที่เธออธิบายเพิ่ม

“แล้วทำไมคุณทำให้คนอื่นนอนหลับแต่ผมดันตื่นอยู่ล่ะ?”

“นายน่าจะรู้คำตอบดีกว่าฉันนะ ไม่ใช่ว่ามีอะไรในใจอย่างนั้นเหรอ?” เธอตอบ

“ผู้หญิงคนนี้ช่าง...จริงๆ!

เขาจริงจัง แต่ ดร.มุนกลับทำว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรซึ่งมันทำให้ความอดทนของเขาหมดลง

“คุณชอบแกล้งคนอื่นใช่มั้ยเนี่ย? เอาล่ะสมมุติว่ามีองค์ประกอบกระตุ้นการนอนหลับในยาที่ฉีดให้ผม เอ่อ...ออปติคัลไอโซเมอร์อะไรนั่นน่ะ? ที่เป็นสารเคมีถ่ายทอดความรู้? อะไรเทือกนั้นแหละ แต่มันเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นเหรอ?  การบันทึกข้อมูลในระดับโมเลกุลด้วยเทคนิคที่เกี่ยวกับโครงการจีโนม ไม่ต้องพูดถึงการทำความเข้าใจความรู้เกี่ยวกับรหัสพันธุกรรมโดยการทรานสเลชันมันกลับมาจากยีนเป็นคำที่มีความสอดคล้องกันโดยไม่ต้องใช้ระบบวิเคราะห์ภาษาแบบพื้นฐานภายในหัวของคุณอย่างนั้นเหรอ มันเป็นไปไม่ได้”

“โดยปกติแล้ว มันเป็นไปไม่ได้” เธอตอบกลับ

“ใช่...มันเป็นไปไม่ได้ อย่างที่คุณรู้ รหัสพันธุกรรมมีการดัดแปลงเป็น RNA ก่อนได้รับการทรานสเลชันเป็นโครงสร้างกรดอะมิโน ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดระหว่างการถ่ายโอนขั้นตอนการจดจำโมเลกุลของ RNA ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ซับซ้อนของกระบวนการรับรู้เกี่ยวกับกรดอะมิโน...”
จองอูหยุดพูดกะทันหัน

“...ทำไมมันออกมาจากปากของฉันอย่างเป็นธรรมชาติแบบนี้ล่ะ!





อารัมภบท



Chemistry


-อารัมภบท-



เคมีคือทุกๆที่

คือวิธีการปลูกต้นไม้ คือเกล็ดหิมะ คือดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้นฟ้า ความสัมพันธ์เหล่านี้ก็เปรียบเสมือนสารเคมีภายในห้องทดลองที่กำลังเกิดปฏิกิริยาเคมี

ถ้าคุณเคยได้ฟังอะไรบางอย่างเหล่านี้ คนส่วนใหญ่อาจจะรู้สึกแบบเดียวกัน

มันจะดีมั้ยนะถ้าคุณจะรู้เรื่องราวพวกนี้?

นี่เป็นเหตุการณ์ที่คุณสามารถพบเห็นได้ตลอดเวลาในชีวิตประจำวันและไม่น่ากังวลสักเท่าไหร่นัก

ตอนแรกผมก็คิดแบบเดียวกัน...

ก่อนที่ยาตัวเดียวจะทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง





ข้อมูลเบื้องต้น - สารบัญ


Chemistry









เรื่องย่อ:

ยาเม็ดเล็กๆ ที่เป็นแคปซูลนั้นจะถูกห่อหุ้มอยู่ในเปลือกที่ละลายน้ำได้ง่าย เปลือกแคปซูลจำนวนมากเหล่านั้นล้วนเป็นผลมาจากการวิจัยและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนับศตวรรษ  ผ่านการสังเคราะห์สารเคมีและผลิตภัณฑ์จากกระบวนการที่ซับซ้อน


และในที่สุดมันก็ถูกพัฒนาจนสำเร็จ

มันกลายเป็นสิ่งที่ใช้ในการบรรจุสำหรับเคมีภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริม ยารักษาโรค หรือ...อะไรที่มากมายกว่านั้น

คนเราต่างเชื่อว่าสิ่งที่เรากินเข้าไปจะไม่ทำอันตรายกับตัวเอง และเชื่อมั่นว่าผู้ที่มีส่วนในการรับผิดชอบในการผลิตนั้นมีเจตนาดีต่อเราที่สุด แต่สุดท้ายแล้วก็ยากจะบอกได้ว่า จริงๆ แล้วมีอะไรอยู่ภายในยาเม็ดนั้นบ้าง

จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผมสามารถเข้าไปยังสถาบันวิจัย ซึ่งการทดสอบทั้งหมดที่ต้องทำคือการกินยาที่พวกเขาบอกว่าเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ